คาปาซิเตอร์
คาปาซิเตอร์ (ในมอเตอร์ประตูรีโมท) คืออะไร — สรุปสั้น ๆ (ภาษาไทย)
คาปาซิเตอร์ (capacitor) ในระบบมอเตอร์ประตูรีโมทคืออุปกรณ์เก็บพลังงานแบบชั่วคราวที่ใช้ สร้างเฟสชิฟต์ ให้มอเตอร์แบบเฟสเดียว (single-phase) เพื่อให้มอเตอร์มีแรงบิดเริ่มต้นเพียงพอและ/หรือทำงานได้อย่างราบรื่น มี 2 บทบาทหลักที่พบในประตูรีโมท:
-
Start capacitor (สำหรับช่วยสตาร์ท)
-
ให้ค่าเฟคตแรนซ์ (คาปาซิแตนซ์) สูงเพื่อเพิ่มแรงบิดขณะเริ่มหมุน
-
ทำงานช่วงสั้น ๆ ขณะสตาร์ท แล้ววงจรจะตัดออก (centrifugal switch / relay)
-
ออกแบบเพื่อใช้เป็นช่วงสั้น ไม่ สำหรับใช้งานต่อเนื่อง
-
-
Run capacitor (สำหรับใช้งานต่อเนื่อง)
-
ให้ค่าไม่สูงเท่า start แต่ทำงานต่อเนื่องทั้งขณะมอเตอร์หมุนเพื่อปรับเฟสให้มอเตอร์ทำงานราบรื่น ลดความร้อนและการสั่น
-
มักเป็นชนิดสำหรับ continuous-duty (เช่น polypropylene film) และเป็น non-polar (ไม่มีขั้วบวก/ลบ)
-
ทำไมมันสำคัญ
-
ถ้าคาปาซิเตอร์เสีย มอเตอร์อาจมีอาการ: สตาร์ทอืด (ฮัม) / หมุนช้า / สูญเสียแรงบิด / อุณหภูมิสูง / ตัดการทำงานบ่อย ๆ
-
คาปาซิเตอร์ที่ไม่ตรงสเปก (ค่าน้อย/แรงดันต่ำ) จะทำให้มอเตอร์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้
วิธีตรวจเบื้องต้น (ปลอดภัย)
-
ตรวจสภาพภายนอก — ถอดฝาออกดูคาปาซิเตอร์ ถ้ามีลักษณะโป่งบวม/รั่วของของเหลว/แตก — ต้องเปลี่ยนทันที
-
ทดสอบด้วยมัลติมิเตอร์ที่มีโหมดวัดคาปาซิแตนซ์
-
ถอดสายไฟจากคาปาซิเตอร์ (ตัดไฟก่อนเสมอ) แล้วถอดคาปาซิเตอร์ออกจากวงจร
-
วัดค่า µF เปรียบเทียบกับค่าที่พิมพ์บนตัวคาปาซิเตอร์ (เช่น 20 µF ±5% 250VAC) — ถ้าต่างกันมาก (ลดลง/เพิ่มมาก) ควรเปลี่ยน
-
-
ถ้าไม่มีโหมดวัดคาปาซิแตนซ์ — วิธีง่ายคือ เปลี่ยนด้วยตัวใหม่ที่สเปกเท่ากัน (swap test) หรือให้ช่างทดสอบด้วยเครื่องมือมืออาชีพ (ESR meter)
-
ความปลอดภัยสำคัญมาก — คาปาซิเตอร์เก็บประจุไฟฟ้าแม้ตัดไฟแล้ว ต้องปล่อยประจุ (discharge) อย่างปลอดภัยด้วยตัวต้านทานที่เหมาะสมก่อนสัมผัส
เลือกคาปาซิเตอร์ทดแทน — ข้อแนะนำสำคัญ
-
ค่า µF ต้องตรงตามเดิม (หรือภายใน tolerance ที่ผู้ผลิตกำหนด) — ค่านี้มีผลต่อแรงบิดและการทำงาน
-
แรงดัน (VAC) ต้องเท่าหรือสูงกว่า (เช่น 250VAC, 450VAC ฯลฯ) — อย่าใช้ตัวที่แรงดันต่ำกว่าเดิม
-
ชนิด (duty) — ถ้าเป็น run capacitor ให้ใช้ชนิด continuous duty (มักเป็น film capacitor)
-
ไม่ต้องกังวลเรื่องขั้ว สำหรับ run capacitor มอเตอร์มักใช้ non-polarized (ไม่มีขั้ว) — แต่เช็กป้ายบนตัวจริงก่อนเสมอ
-
อุณหภูมิและขนาดกายภาพ — เลือกที่เข้ากับช่องวางและทนสภาพแวดล้อมภายนอก (ถ้าติดตั้งภายนอกให้มีกล่องกันน้ำ)
อาการที่บ่งชี้ว่าควรเปลี่ยนคาปาซิเตอร์
-
มอเตอร์ “ฮัม” แต่ไม่หมุนหรือหมุนช้ามากตอนสตาร์ท
-
แรงบิดไม่พอ ปิด-เปิดติดขัด
-
คาปาซิเตอร์บวม รั่ว หรือมีกลิ่นไหม้
-
มอเตอร์ร้อนผิดปกติ หรือตัดวงจร thermal บ่อย
คำเตือนด้านความปลอดภัย
-
ก่อนจะจับ ต้อง ตัดไฟหลัก และ ปล่อยประจุคาปาซิเตอร์ โดยใช้ resistor เหมาะสม (เช่น 10kΩ/2W) หรือให้ช่างมืออาชีพทำ
-
ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่ชำนาญ ให้เรียกช่างไฟ/ช่างมอเตอร์ อย่าทำเองถ้าไม่รู้วิธี — การทำผิดอาจทำให้ถูกไฟดูดหรือทำให้อุปกรณ์เสียหาย